รีวิวลำโพงพกพา Klipsch Austin

รีวิวลำโพงพกพา Klipsch Austin

หัวข้อแนะนำ

รีวิวลำโพงพกพา Klipsch Austin  Klipsch เป็นแบรนด์ลำโพงสัญชาติอเมริกันที่ก่อตั้งในปี 1946 โดย Paul W. Klipsch เชี่ยวชาญด้านลำโพงภายในบ้านและระบบโฮมเธียเตอร์ แต่เมื่อตลาดลำโพงพกพามาแรงก็อยากจะสร้างซีรีย์ลำโพงใหม่ Music City Series ในคอนเซ็ปต์เมืองแห่งดนตรีของอเมริกา ครั้งนี้เราจะรีวิว 2 รุ่น ได้แก่ Klipsch Austin ที่อายุน้อยที่สุด และ Klipsch Nashville พี่ชายคนกลาง และ Klipsch Detroit พี่ชายคนโต หากเรามีโอกาสเราจะตรวจสอบเพิ่มเติม

 

รีวิวลำโพงพกพา Klipsch Austin และ Nashville พร้อมเทียบ Marshall

รีวิวลำโพงพกพา Klipsch Austin ทั้ง Klipsch Austin และ Nashville ใช้ภาษาการออกแบบเดียวกัน คุณสมบัติโดดเด่นคือตะแกรงลำโพงทำจากโลหะและมีรูกลมตัดเข้าไป สำหรับออสตินรุ่นเล็กจะมีกระจังหน้าและด้านหลังมีสายรัดสำหรับยึดลำโพงเข้ากับอะไรก็ได้ แนชวิลล์เป็นตารางด้านหน้าและด้านหลัง เพื่อให้เสียงออกมารอบตัวคุณ

ตัวลำโพงทำจากยางนุ่มแบบเดียวกันสำหรับทั้งสองรุ่น ทำให้ถือได้สบายมือ มันไม่หลุดออกง่าย Austin มีขนาด 105 มม. x 105 มม. x 44 มม. และหนัก 397 กรัม ในขณะที่ Nashville มีขนาด 78 มม. x 178 มม. x 81 มม. และหนัก 970 กรัม นอกจากนี้ ทั้งสองรุ่นยังกันน้ำระดับ IP67 ซึ่งหมายความว่าสามารถอยู่ในน้ำได้ลึกถึง 1 เมตรเป็นเวลา 30 นาที คุณจึงสามารถนำไปชายหาดหรือสระว่ายน้ำได้โดยไม่ต้องกังวลว่าอุปกรณ์จะพัง

 

ลำโพงทั้งสองมีพอร์ต USB-C เพียงพอร์ตเดียว และไม่มีพอร์ต 3.5 มม. สำหรับเชื่อมต่อสายสัญญาณเสียง ในกล่องประกอบด้วยสาย USB-C ถึง USB-C แต่ไม่มีที่ชาร์จ คุณสามารถใช้เครื่องชาร์จ Type-C ธรรมดาได้ ทั้งสองรุ่นรองรับการชาร์จเร็ว 18W หากใช้เครื่องชาร์จที่มีกำลังไฟ 20W ขึ้นไป การชาร์จจะเสร็จสิ้นอย่างรวดเร็ว รุ่นแนชวิลล์สามารถใช้เป็นแบตสำรองสำหรับโทรศัพท์มือถือได้

Klipsch Austin ที่เล็กกว่าใช้เวลาสองชั่วโมงในการชาร์จจากศูนย์ไปจนเต็ม และใช้งานได้ต่อเนื่อง 12 ชั่วโมง ในขณะที่ Klipsch Nashville ระดับกลางจะชาร์จใน 1.5 ชั่วโมง และใช้งานได้ 24 ชั่วโมง ลำโพงทั้งสองตัวมีไมโครโฟนด้วย ในตัวยังสามารถใช้เป็นสปีกเกอร์โฟนได้

 

เทียบกับ Marshall

หากเราเปรียบเทียบ Klipsch Austin กับ Marshall Willen เราจะเห็นว่าเป็นลำโพงสไตล์เดียวกัน มีสายรัดด้านหลังด้วย ใช้วิธีเดียวกันแต่ตัวร้ายมีขนาดเล็กกว่าอย่างเห็นได้ชัด และก็เบากว่าด้วย

Klipsch Austin Marshall Willen
ขนาด 105 x 105 x 44mm 101.6 x 100.5 x 40.4 mm
น้ำหนัก 397 g 310 g
การควบคุม โยก Control Knob ทองเหลืองด้านหน้า กดปุ่มด้านบน
อายุแบตฯ 12 ชั่วโมง 15 ชั่วโมง
ไมโครโฟน มี มี
ราคา 3,990 บาท 3,990 บาท

 

Klipsch Nashville และ Marshall Emberton II ก็เป็นลำโพงรูปทรงกล่องแนวนอนเช่นกัน Marshall ยังคงเล็กและเบากว่าเดิม แต่ Klipch ราคาถูกกว่าหลายพัน

Klipsch Nashville Marshall Emberton II
ขนาด 78 x 178 x 81mm 68 x 160 x 76 mm
น้ำหนัก 970 g 700 g
การควบคุม โยก Control Knob ทองเหลืองด้านบน กดปุ่มด้านบน
อายุแบตฯ 24 ชั่วโมง 30 ชั่วโมง
ไมโครโฟน มี ไม่มี
ราคา 5,990 บาท 7,490 บาท

 

การควบคุม

มาดูเรื่องการควบคุมกันบ้างครับ ลำโพงทั้ง 2 รุ่นมีการควบคุมที่ตรงไปตรงมา ด้านบนจะมีปุ่มอยู่ 4 ปุ่ม คือ

  1. เปิด/ปิดเครื่อง
  2. เชื่อมต่อ Bluetooth
  3. ลดเสียง
  4. เร่งเสียง

เราชอบที่เมื่อเปิดลำโพง รีวิวลำโพงพกพา Klipsch Austin มันจะสร้างเสียงที่สวยงามอันเป็นเอกลักษณ์ของ Klipsch สำหรับการเชื่อมต่อลำโพงหลายตัวในโหมด Broadcast มีเคล็ดลับการเชื่อมต่อบางประการ นั่นคือคุณต้องเชื่อมต่อลำโพงหลักเข้ากับโทรศัพท์มือถือและเล่นเพลงได้ตามปกติ จากนั้นกดปุ่ม Bluetooth และปุ่มเพิ่มระดับเสียงค้างไว้พร้อมกันประมาณ 1 วินาที เมื่อปล่อยจะมีเสียง (แต่อย่ากดนานเกินไปเพราะลำโพงจะ Factory Reset แล้วเราจะต้องเชื่อมต่อบลูทูธใหม่) จากนั้นไปที่ลำโพงลูก สิ่งสำคัญคือลำโพงของบุตรหลานจะต้องไม่เชื่อมต่อกับโทรศัพท์ผ่านบลูทูธ (หากโทรศัพท์เชื่อมต่ออยู่แล้ว ให้กด Disconnect ก่อน) จากนั้นกด Bluetooth และ + ค้างไว้ประมาณ 1 วินาทีเช่นกัน เมื่อเสร็จแล้วจะมีเสียงและลำโพงจะเชื่อมต่ออยู่สักพักก็เท่านั้น เล่นเสียงเดียวกันจากลำโพง Klipsch หลายสิบตัว แม้กระทั่งรุ่นที่แตกต่างกัน ตราบใดที่ยังอยู่ใน Music City Series

ส่วนการเชื่อมต่อลำโพงรุ่นเดียวกัน 2 ตัวเข้ากับโหมดสเตอริโอ เพื่อให้เสียงซ้าย-ขวากว้างขึ้น โดยจะเปลี่ยนเป็นการกดปุ่มบลูทูธและปุ่มลดระดับเสียงแทน วิธีการกดจะเหมือนกับการใช้ Broadcast Mode นอกจากนี้ยังมีแอปมือถือ Klipsch Connect สำหรับปรับ EQ ของลำโพงและอัปเดตเฟิร์มแวร์ควบคุมลำโพงเป็นเวอร์ชันล่าสุด อย่าลืมดาวน์โหลดและใช้งาน

 

บทความแนะนำ